วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บล็อก คืออะไร

               ก่อนจะเริ่มทำบล็อก (Blog) เราก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นมันคืออะไร  จากที่ใช้ google search ยิ่งหาก็ยิ่งเจอ ยิ่งเจอก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่ามันแตกต่างจาก Webboard (ฝรั่งเค้าเรียก Forum) หรือ Web Diary อย่างไร ต้องหาเพิ่มเพื่อที่จะได้ความกระจ่าง อ่านไปอ่านมาก็เลยสรุปมาจาก หลายๆ เว็บพอเป็นอันเข้าใจ ได้ตามนี้ครับ

        แล้ว Blog มันคืออะไรล่ะครับ   จาก link ที่ผมอ่านมา แล้วเอามาสรุปสั้นๆ กวนๆ ก็คือเว็บรูปแบบหนึ่ง (ที่มีการเขียนความคิดเห็นหรือสิ่งที่ตัวเองสนใจลง แล้วเผยแพร่ให้สาธารณชนได้อ่าน (ได้เสพ ได้ซึมซับ ฯลฯ))  แต่ถ้าจะให้อธิบายยาวๆ เลยก็ต้องไล่เรียงที่มาที่ไปกันก่อนครับ  Blog แผลงมาจาก คำว่า Weblog ซึ่งก็มาจากคำ 2 คำคือ
  • Web (ถ้าแปลจาก google translate แปลว่าไยแมงมุม ซึ่งมันก็คือที่มาของ World Wide Web (www)นั่นล่ะครับ) กับคำว่า
  • Log (มีหลายความหมายครับ เช่น ท่อนซุง, ลอการิทึม, หน่วยวัดปริมาตรของฮิบบรู (จาก http://ardictionary.com/Log/4351)  และ ความหมายที่คิดว่าตรงที่สุดน่าจะเป็น การบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลอง การเดินเรือหรือเครื่องบิน ในช่วงเวลาที่กำหนด  เมื่อเอามาแปลให้สอดคล้องกับ IT ก็แปลว่าการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งๆ นั่นเอง  เฮ่ๆๆ แต่ออกตัวไว้ก่อนนะครับ เป็นความคิดของผมเอง อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้หาข้อมูลมาสรุปเอง)

แล้วทีนี้คำว่า Blog ออกมาได้ไง จากความเข้าใจ น่าจะเป็นไปได้ 2 แบบครับคือ
  • การออกเสียงของฝรั่งที่มีการออกเสียงควบระหว่างพยางค์ก็เลยควบเสียงตัว B กับเสียงตัว L ก็เลยออกมาเป็น web-blog พูดไปพูดมาก็เลยลงอีกเหลือแค่คำว่า  Blog
  • ตามแนวจินตนาการอันเจิดของคน IT ครับ ไม่อยากให้มันจำเจ มองคำว่า Weblog มองไปมองมาก็เลยแยกออกเป็น 2 คำซะเลยว่า  We blog  (แปลตรงๆ ว่า พวกเราทำการบล็อก)  จากนั้น คำว่า Blog ก็เลยกลายเป็นคำกิริยาไป (ซะงั้น)  แล้วยังมาขยายต่ออีก ว่าคำนามของกิริยา Blog คือผู้ทำการ blog ก็จะกลายเป็น Blogger  ไป  

แล้วคำว่า Blog กับ Blogger ก็ได้รับความนิยมขึ้นมาใช้จนติดปากกันในปัจจุบัน ที่มาที่ไปก็จบด้วยประการฉะนี้นี่เอง
        แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแล้ว Blog มันคืออะไรล่ะ  ถ้าเอามาจากความหมายสั้นๆ ด้านบนมาขยายความ  Blog ก็เป็นเว็บรูปแบบหนึ่งที่เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการสร้างเว็บ เนื่องจากมี Blog Software (บางทีก็เรียก Blogware) เป็นตัวจัดการให้ และยังมี template หรือลูกเล่นอื่นๆ แล้วแต่ Software หรือผู้ให้บริการ Blog แค่เราเป็นคนใส่เนื้อหา (Content) ที่เราต้องการเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน เช่นเรื่อง Technology, เรื่องการเมือง, เรื่องหนัง ฯลฯ (หรือไม่เผยแพร่ก็ได้ เอาไว้อ่านเอง) ลงในพื้นที่ที่เค้ากำหนดให้เราเขียน (หรือเรียกว่า สร้าง Blog) แล้ว software ก็จะจัดเนื้อหานั้นๆจะมีการเรียงลำดับเวลาการเขียนโดยแสดงข้อมูลล่าสุดก่อน
ในแต่ละ page จะแสดงกี่หัวข้อก็ขึ้นกับ Blog ค่ายนั้นๆ หรือการปรับแต่งของเจ้าของ Blog (หรือที่เรียกว่า Blogger)  Blog นี้ยังสามารถใส่ ภาพ link หรือแม้แต่ Video ลงไปด้วยได้ (ที่พบบ่อยๆ คือเอา video ไปฝากใน Youtube แล้วเอา Link จากปุ่ม Share ใต้ video มาแบะ ใน Blog)
          ข้อเด่นอีกอย่างของ Blog คือมีส่วนที่ให้ผู้ที่เข้ามาอ่านสามารถเสนอข้อคิดเห็นได้ด้วย โดยจะอยู่ใน Comment ด้านล่างของหัวข้อนั้นๆ (แล้วมันต่างกับ Webboard หรือ Forum ยังไงล่ะ...เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน)  ความนิยมใน Blog ก็มีมาขึ้นเรื่อยๆ  เนื่องจาก Blogger สามารถเสนอข้อคิดเห็น สิ่งที่อยากบอกให้โลกรู้ (ก็พอเรา publish หัวข้อของเราแล้ว ใครก็ตามในโลกนี้ ที่สามารถใช้ Internet ได้(หรือแม้แต่นอกโลกถ้ามีสัญญาณ Internet นะ) แล้ว search หัวข้อของเราเจอก็สามารถอ่านได้ (ถ้าอ่านภาษาไทยออกนะหรือจะขั้นเทพ publish เป็นภาษาอังกฤษก็ สวด-ยวด เลยครับ)) หรือบันทึกต่างๆ ที่ได้ไปประสบพบมา ประสบการณ์ที่อยากบันทึกไว้ (กันลืมก็มี) หรือแม้แต่บริษัทห้างร้านต่างๆ ก็สามารถใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์ห้างร้าน สินค้าหรือกิจกรรมที่บริษัทนั้นๆ ได้ทำ

แล้ว Blog ต่างอะไรกับ Online Diary หรือ Web Diary ล่ะ

          search ข้อมูลมาอ่านแล้วงงครับ ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง เพราะคนที่ใช้ Web Diary อยู่ก็บอกว่า Blog เป็น Diary รูปแบบนึงเท่านั้น ส่วนคนที่ใช้ Blog ก็บอกว่า Diary เป็นรูปแบบนึงของ Blog  เพราะทั้งคู่สามารถ publish หรือไม่ publish ก็ได้ จะบอกว่า Diary เป็นการบันทึกประจำวัน  ก็เห็น Blog หลายๆ อันเป็นการบันทึกประจำวันเหมือนกัน  แต่ถ้าจะให้เดานะครับ ก็เป็นเรื่องวัตถุประสงค์ มากกว่า เพราะ Blog มีวัตถุประสงค์ของการ Blog ค่อนข้างแน่นอน  ส่วน Web Diary วันนี้อยากเผยแพร่อะไรก็เขียนไปได้เลย (เหมือนสมุด Diary ที่บันทึกว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้างเป็นต้น)   อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ครับ ผู้รู้ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ

แล้ว Blog ต่างอะไรกับ Webboard หรือ Forum ล่ะ

          ความแตกต่างหลักๆ ของ Blog กับ Webboard หรือ Forum ก็คือ ความรู้สึกเป็นเจ้าของหัวข้อที่ตั้งขึ้นของ Blogger หรือผู้ Post   เปรียบเทียบแบบนี้ครับ  
  • Blog ก็เหมือนคอนโดฯ หรือหอพักที่เราเป็นผู้มาซื้อคอนโดฯ หรือผู้เช้าหอพัก แล้วเราก็แต่งห้องที่เราได้สิทธิ์ ไม่ว่าจะเอาเฟอร์นิเจอร์ รูป ของแต่งห้องมาจัด เพื่อให้ห้องของเราออกมาสวยงามตามความพอใจของเรา แล้วให้คนอื่นเข้ามาดูห้องเรา คนที่ชอบก็ชม หรือขอเอาแนวคิดไปทำบ้าง ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ออกความเห็นต่างๆ นานา  (เรายังไม่ใช่เจ้าของห้องที่แท้จริงเพียงแต่ได้สิทธิ์ในการจัดการห้องเท่านั้น ส่วนเจ้าของคอนโดฯ หรือเจ้าของห้องเช่า ที่แท้จริงก็คือผู้ให้บริการ Blog เช่น www.blogger.com ที่เราใช้บริการอยู่นั่นแล)    
  •               เอาอีกตัวอย่าง  เปรียบ Blogger เหมือนครูที่สอนในห้องเรียน(แบบฝรั่งนะครับ) ครูก็สอนๆๆ ไป พอสอนจบก็ให้นักเรียน (ก็คือสมาชิกของ Blog นั้นๆ) มาถกกันเรื่องหัวข้อที่สอนไปแล้ว (ครูก็ไม่ใช่เจ้าของห้องเรียนที่แท้จริงเป็นผู้ที่ได้สิทธิ์ในการเผยแพร่หัวข้อต่างๆ เจ้าของห้องที่แท้จริงก็คือเจ้าของโรงเรียน) 
  • ส่วน Webboard หรือ Forum เปรียบเสมือนห้องประชุม เราเป็นผู้ post ก็คือเป็นผู้เสนอกระทู้ (หรือเรียกว่าวาระการประชุม)  แล้วให้ผู้เข้าร่วมประชุม(ก็คือสมาชิกของ Webboard นั้นๆ) เสนอความคิดเห็น โดยจะเห็นว่าเราไม่ใช่เจ้าของห้องประชุม แค่เราเข้ามาใช้ห้องประชุมเพื่อเสนอวาระเท่านั้น 

แล้ว Micro-blog  คืออะไรล่ะ 

                โอ้ว ยิ่งอ่านยิ่งเจอครับ สรุปง่ายๆ ครับ Micro-blog ก็คือ Blog ประเภทหนึ่งครับ แต่เป็น Blog ที่จำกัดจำนวนตัวอักษรในการเขียนในแต่ละหัวข้อของแต่ละคนครับ ถ้ามีจำนวนตัวอักษรที่เกินจากที่กำหนดไว้ต้องไปสร้าง link เพื่อ link ไปยังหน้าที่ Blogger ทำไว้ ผู้ติดตาม (Follower) ถ้าอยากติดตามต่อต้อง click link ที่ Blogger เขียนไว้เข้าไปอ่านอีกทีครับ Micro-blog ที่กำลังดังสุดๆ ตอนนี้ก็คือ Twitter ไงครับ เห็นภาพเลยใช่ม้า 

แล้วฺ Blog ต่างอะไรกับ Facebook ล่ะ 

          ในความเห็นผมนะครับ facebook เหมือน Online Diary ครับที่เขียนบอกเล่าความรู้สึก  เหตุการณ์ที่เจอในแต่ละวัน หรือบางคนอาจจะเป็นแต่ละชั่วโมง แต่ละนาทีเลยก็ได้   แต่ต่างกับ Online Diary ตรงที่ว่า ในหน้า Wall ของ Facebook จะมีทุกความรู้สึกหรือ comment ของเพื่อนเราทั้งหมด ที่มีอยู่ ณ เวลานั้น หรือในหน้านั้น จนกว่าจะหมดหน้า 


สรุปแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจของผมเองนะครับที่รวบรวมจาก link ต่างๆ ที่มีผู้มาให้ความรู้ ให้ความเห็น  แล้วผมก็มาเขียนในแบบของผมเอง ถ้ามีผิดพลาดประการใดขอท่านผู้อวุโสโปรดชี้แนะด้วยครับ


ที่มา:
บล็อกคืออะไร
      http://www.basicstep.net/what-is-a-blog/
      http://keng.com/2005/09/30/what-is-blog/
      http://www.gotoknow.org/blogs/posts/3
      http://th.wikipedia.org/wiki/บล็อก
      http://km.ra.mahidol.ac.th/mod/forum/discuss.php?d=471
      http://www.oknation.net/blog/print.php?id=66



Blog ต่างกับ Online Diary หรือ Web Diary อย่างไร
    http://http://th.wikipedia.org/wiki/ไดอารีออนไลน์
    http://www.inboxjournal.com/articles/difference-between-diary-journal-and-blog.php   
    http://www.blogpulse.com/papers/2005/fujiki.pdf    --- อันนี้ศึกษากันเป็นบทความทางวิชาการจริงจังเลยทีเดียว  


Blog ต่างกับ Webboard หรือ Forum อย่างไร
          http://lisahwarren.hubpages.com/hub/What-is-the-difference-between-a-blog-and-a-forum  
          http://www.web-strategist.com/blog/2008/01/28/understanding-the-difference-between-forums-blogs-and-social-networks/
          http://www.nevon.net/nevon/2004/10/blog_vs_forum_w.html
          http://software.intel.com/en-us/blogs/2007/01/26/whats-the-difference-between-a-blog-and-a-forum/
          http://www.differencebetween.net/technology/difference-between-forum-and-blog/  


Micro-blog  คืออะไร





    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น